วันเสาร์ที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

Why we want you to be rich

Mr. Robert T. Kiyosaki ผู้แต่งหนังสือพ่อรวยสอนลูก ได้กล่าวเอาไว้ว่า ที่มาของเงินมีทั้งหมด 4 ทาง ตามที่แสดงดังภาพและคนที่สำเร็จ ก็คือ "คนที่สามารถทำให้ตัวเองอยู่ด้านขวา ที่ระบบทำงานแทนได้"



"การตลาดเครือข่ายเป็นเสมือนโรงเรียนสอนนักธุรกิจที่ช่วยให้คุณย้ายฝั่งได้ง่ายแต่ได้ผลและปลอดภัยที่สุด
บริษัทเครือข่ายการตลาดที่ดีจะต้องมีระบบพัฒนาตัวคุณอย่างสมบูรณ์แบบ โดยสอนให้คุณเป็น "นักธุรกิจเพื่อเป็นเจ้าของธุรกิจ" ไม่ใช่สอนให้คุณเป็น "เซลส์แมน" หรือ เพียงทำให้คุณมีรายได้ไปวันๆ บนความมั่นคงที่ ไม่แน่นอน"

คนที่รวยที่สุดในโลกล้วนแสวงหาการสร้างเครือข่าย ในขณะที่ผู้คนส่วนใหญ่กำลังหางานทำ หากคุณมีความคิดสร้างสรรอันยิ่งใหญ่หรือสินค้าอันดีเยี่ยมปานใดก็ตาม มีเพียงหนทางเดียวที่จะนำท่านสู่ความสำเร็จ คือ การใช้ เครือข่ายการประชาสัมพันธ์ และเครือข่ายการจัดจำหน่ายสินค้าเหล่านั้นสู่มือผู้บริโภคอย่างได้ผล



MrRobert T.Kiyasaki ผู้เขียนหนังสือ (พ่อรวยสอนลูก)
จึงกล้าพูดถึงชื่อของบริษัทและแนะนำว่า "Agel เป็นบริษัทที่น่าร่วมทำธุรกิจด้วยที่สุดในขณะนี้"

แนวโน้มธุรกิจ Agel

หลายท่านอาจจะคือว่าการเริ่มธุรกิจ Agel นั้น ดูว่าต้องลงทุนสูงกว่าธุรกิจในประเภทเดียวกัน แต่แนวโน้มทางธุรกิจในปัจจุบัน ผู้บริโภคจะแสวงหา สิ่งใหม่ที่เป็นนวัตกรรม สิ่งที่ดีกว่า สิ่งที่สะดวกกว่า ทันสมัยกว่า

ในแง่ของการลงทุน แน่นอนว่าท่านต้องการลงทุนในธุรกิจที่ เป็นที่ต้องการของ ลูกค้า และเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว แนวโน้มธุรกิจสุขภาพ ก็เหมือนกับธุรกิจประเภทอื่นๆ ที่ลูกค้าต้องการ สิ่งที่ดีกว่า สิ่งที่ทันสมัยกว่า สิ่งที่สะดวกกว่า สิ่งที่เป็นนวัตกรรม

ถ้าคุณเลือกได้ คุณจะเริ่มธุรกิจแบบไหน ? ระหว่าง...

ธุรกิจร้านค้าปลีก
ทำไมร้าน Mini Mart ถึงเพิ่มมากขึ้น แม้จะต้องลงทุนมากกว่าร้านขายของชำ ถ้าไม่ใช่เพราะลูกค้าที่่เพิ่มขึ้น

ธุรกิจร้านกาแฟ
ทำไม ร้านกาแฟหรูๆ ถึงเกิดขึ้นทั่วเมือง แม้รถเข็นขายกาแฟลงทุนน้อยกว่าหลายเท่าตัว

ธุรกิจร้านอาหาร
ร้านอาหารข้างทางเริ่มลดลงเรื่อยๆ เนื่องจากผู้คนนิยมรับประทานอาหารในห้องแอร์ หรือบนห้างสรรพสินค้ามากขึ้น

ธุรกิจสุขภาพ และความงาม
ถ้าเป็นธุรกิจสุขภาพ ท่านต้องการเริ่มธุรกิจแบบไหน ??



จากข้อมูลสถิติแสดงไว้ได้ดังนี้

AGEL มียอดขายเดือนแรกที่เปิดตัวกว่า 5,000,000 เหรียญสหรัฐฯ สูงที่สุดในประวัติศาสตร์โลก
AGEL เปิดดำเนินการไปแล้วกว่า 44 ประเทศทั่วโลกในเวลาเพียง 2 ปี และสามารถทำธุรกิจต่อยอดได้ทุกประเทศ
AGEL มีผลิตภัณฑ์ที่รับประทานง่าย ดูดซึมได้มากกว่า 90% ภายใน 3 - 20 นาที เป็นนวัตกรรมใหม่ที่ไม่มีใครเหมือน
(ผลิตภัณฑ์ทั่วไปดูดซึมได้ 50 - 60% ภายใน 2 - 3 ชั่วโมง เป็นแบบเม็ด, ผง, น้ำ พกพาไม่สะดวก)
AGEL ในประเทศไทย ซึ่งก่อตั้งยังไม่ถึง 1 ปีมียอดขายทะลุ 200 ล้านบาท! ซึ่งไม่เคยมีในประวัติศาสตร์เครือข่ายไทย
AGEL มีผู้นำที่มีรายได้มากกว่า 1,000,000 บาทต่อเดือนจากบริษัทอื่นในประเทศไทย ลาออกและเข้ามาร่วมธุรกิจมากที่สุด
AGEL สามารถสร้างรายได้มากกว่า 100,000 - 500,000 บาทในเดือนแรก ให้กับผู้ร่วมธุรกิจจำนวนมากที่สุดในประวัติศาสตร์ไทย

วันศุกร์ที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

The Secret - The Law of Attraction

ความสำเร็จ ทุกอย่างจะเกิดขึ้นได้ เราต้องเข้าใจใน 3 กระบวนการ ดังนี้

กระบวนการที่ 1 : Attraction Process หรือ กระบวนการสร้างแรงดึงดูด
โลก ของเรามีแรงดึงดูด ที่เป็นพลังงานที่เราไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า แต่พวกเราสามารถสัมผัสมันได้ ผ่านกระบวนการเกี่ยวเนื่องอื่นๆ ตัวเราเองก็สามารถสร้างแรงดึงดูดได้เหมือนกัน แต่สิ่งที่จะวิ่งเข้ามาหาเรา..คุณต้องการสิ่งที่ดีหรือไม่ดีหละ คงไม่มีใครต้องการสิ่งไม่ดี และคงไม่มีใครไม่ต้องการสิ่งดีดี ทุกคนต่างต้องการสิ่งดีดีเข้ามาในชีวิต ไม่ว่าจะเป็นทางด้านสุขภาพ ทรัพย์สินเงินทอง หน้าที่การงานต่างๆ ก็ล้วนแต่ต้องการสิ่งดีดี ทีนี้เราจะสร้างแรงดึงดูดอย่างไร ให้มีแต่สิ่งดีดีเข้ามาหละ

The secret ได้บอกหลักสำคัญๆของแหล่งแรงดึงดูดสิ่งดีดี ไว้ดังนี้

1.1 การคิดเชิงบวก (positive thinking):

ทุก ความคิดมีแรงดึงดูด เคยสังเกตุมั๊ยว่า หากเราคิดคำนึ่งหรือกังวลเรื่องใดเรื่องหนึ่งบ่อยๆ เรื่องนั้นก็มักเกิดขึ้นจริง ดังนั้น หากเราเปลี่ยนความคิดจากการคิดถึงสิ่งที่ไม่ดีบ่อยๆ เป็นคิดถึงแต่สิ่งที่ดีดี บ่อยๆ คลื่นความคิดเราก็จะแปรเปลี่ยนเป็นแรงดึงดูด ดูดสิ่งดีดีเข้ามาในชีวิต

ในประเด็นนี้ หากเรามองในทางธรรมแล้ว ก็คงไม่ต่างอะไรกับที่ชอบพูดกันว่า คิดดี ทำดี พูดดี ..สิ่งที่สะท้อนกลับมาหาเราก็คงดีเหมือนกัน

1.2 รู้เท่าทันความคิดของตัวเอง :

เหมือน เป็นการมีสติ กำหนดรู้ว่า ขณะนี้เราคิดอะไร คิดดีหรือคิดเลว เมื่อเรารู้เท่าทันความคิดเราเมื่อไหร่ เราก็สามารถคัดแยกความคิดเลวออกจากความคิดดีได้ ทำให้เรามีโอกาสที่จะยับยั้งความคิดเลว และดำเนินความคิดดีดีต่อไป

เคย สังเกตุตัวเองกันมั๊ย หากเมื่อเราคิดเลว อารมณ์ที่ไม่ดี ก็จะเกิด แต่หากเมื่อไหร่เราคิดดี ความสบายใจ อารมณ์ที่ดีก็จะเกิด อารมณ์เป็นสิ่งหนึ่งที่ก่อให้เกิดการกระทำ คนที่ไม่รู้เท่าทัน ไม่รู้จักควบคุมความคิดเลว อารมณ์เลว ก็จะโกรธง่าย เกลียดง่าย ฉุนเฉียวง่าย สิ่งเหล่านี้ ถูกถ่ายทอดผ่านใบหน้าและร่างกายออกสู่ภายนอก สิ่งที่สะท้อนจากภายนอกกลับมาหาตัวคุณก็คงไม่ใช่สิ่งดีนักหรอก แต่ในทางกลับกัน คนที่คิดดี รู้เท่าทันระงับความคิดและอารมณ์เลว สิ่งดีดี จากจิตใจก็จะถูกทอดผ่านร่างกายให้แสดงออกมาแต่ในสิ่งดีดี สิ่งที่คุณได้รับก็จะเป็นสิ่งดีด้วยเช่นกัน เมื่อคุณรู้สึกดี ความคิดสร้างสรรค์ อารมณ์สร้างสรรค์สิ่งต่างๆก็จะบังเกิดขึ้น ทำให้คุณสามารถพัฒนาตัวเองทั้งในปัจจุบันและอนาคตได้อย่างดีขึ้นอย่างไม่ ต้องสงสัย อนาคตของคุณขึ้นกับความคิดของคุณแล้วหละ
สร้างคิดดี อารมณ์ดี โดย รู้จักมีความพึงพอใจ (Satification) รู้จักชื่นชมผู้อื่น (Appriciation) มีความหวัง (Hope) มีความสุข (Happiness) รู้จักสนุก ร่าเริง(Joy) รู้จักขอบคุณ (Gratitude) รู้จักรักทั้งตัวเอง ผู้อื่น และสิ่งอื่นรอบตัว (Love) เป็นต้น

ละทิ้ง ความคิดเลว อารมณ์เลว โดย ตัดความหวาดกลัว (Fear) ความกดดัน เครียด(Depression) ผิดพลาดเลอะเทอะ (Fault) ไม่พอใจขุ่นเคือง (resentment) ความเกลียด (Hate) ความโกรธ (Angry) การตำหนิติเตียน (Criticism) การกล่าวโทษนินทา (Blame) เป็นต้น

ความเครียด ความคิดเชิงลบ ก่อให้เกิดอารมณ์ที่ขุ่นมัว เศร้าหมอง ส่งผลต่อระดับการทำงานของร่างกายและสมองที่ลดลงเสมอ

the secret แนะกระบวนการสร้างสรรค์ (Creative process) ไว้ให้ 3 ขั้นตอน คือ

ขั้นที่ 1 ขั้นตอนการร้องขอ (Ask) : เหมือนคุณมี ตะเกียงวิเศษ เมื่อถูเจ้ายักษ์ออกมาแล้ว คุณต้องร้องขอ คุณต้องคิดให้พลังแห่งจักรวาลรับรู้ว่า คุณต้องการอะไรอย่างแท้จริง แล้วคุณจะได้สิ่งนั้นมา..นั่นแหละ หากสิ่งที่คุณคิด..ไม่ดี..สิ่งที่คุณได้ก็ย่อมไม่ดีเช่นกัน แต่หากคุณคิดดี สิ่งที่คุณได้ย่อมดีเสมอ ในขั้นตอนนี้เทคนิคที่ the secreat แนะนำ คือ การเขียนสิ่งดีดี คุณสามารถเขียนสิ่งดีดี ที่คุณต้องการในสมุดบันทึกได้ทุกวัน เพื่อให้คุณจดจำสิ่งดีดีที่คุณต้องการ มันจะก่อให้เกิดแรงบันดาลใจลึกๆ ในใจ ให้คุณพยายามทำให้สิ่งที่คุณต้องการจนสำเร็จ

ขั้นที่ 2 ขั้นตอนแห่งความเชื่อ (Believe) : จง เชื่อในสิ่งดีดี ที่คุณพึงอยากได้ ว่าคุณจะต้องได้มา ศรัทธาที่ไม่สั่นคลอนก่อให้เกิดสิ่งที่เป็นจริง เมื่อไหร่ที่คุณพลาดจากหวัง จงเชื่อเสมอว่า หากหวังและพยายามต่อไป วันหนึ่ง ฝันคุณจะเป็นจริง กรณีนี้ คงเข้าตำราคนไทยที่ว่า ความพยายามอยู่ที่ไหนความสำเร็จอยู่ที่นั่น หากเราเชื่อ และพยายามทำในสิ่งที่เราเชื่อ สักวัน สิ่งนั้นจะสำเร็จดังฝัน

ขั้นที่ 3 ขั้นตอนแห่งการรับ (Receive) : เป็นการยอมรับ ทั้งสิ่งที่สมหวังและผิดหวัง การผิดหวัง หากเรายอมรับเราสามารถนำมันมาทบทวน ไตร่ตรองได้อีกรอบ แล้วเราจะเห็นถึงข้อผิดพลาดอันนำไปสู่แนวทางในการปรับปรุง

1.3 เริ่มต้นวันใหม่ด้วยสิ่งดีดี :

คุณ เคยสังเกตุมั๊ย หากวันไหนคุณตื่นมาพร้อมอารมณ์ที่ขมุกขมัว วันนั้น คุณอาจปวดหัว อะไรก็ดูช่างหงุดหงิดในสายตาของคุณไปเสียทั้งหมด ไม่ว่า จะเป็นคน การจราจร หรือ สิ่งแวดล้อมต่างๆ แต่ในทางกลับกัน หากคุณสามารถตื่นขึ้นมาพร้อมกับความรู้สึกดีดี สมองคุณก็จะแจ่มใส จิตใจก็จะเบ่งบาน พร้อมที่จะมีสติรับรู้เรื่องราวต่างๆ ในวันนั้น ได้อย่างต่อเนื่องและมีสมาธิในการไตร่ตรองแยกแยะ พิจารณาสิ่งที่ ผิด ถูก ชั่ว ดี ได้ไม่ยาก ซึ่งเมื่อคุณได้กรองและเลือกที่จะรับแต่สิ่งดีดีแล้ว อารมณ์ก็จะดียิ่งขึ้น สิ่งที่แสดงออกมาจากตัวคุณ ก็ดี สิ่งที่คุณจะได้รับต่อไป ยิ่งดี

เมื่อใดที่เรารู้สึกแย่ ท้อถอย the secret แนะให้มองสิ่งที่สวยงาม การได้ฟังเพลงดีดี เพลงเชิงบวก การได้มองเด็กๆที่สดใสร่าเริง การได้ชมดอกไม้สีสวยๆ ที่กำลังเบ่งบาน การได้เลี้ยงสัตว์ เลี้ยงสุนัข เลี้ยงแมว การได้เล่นกีฬา การได้ออกไปท่องเที่ยว เพราะ the secret เชื่อว่า "เมื่อคนรู้สึกรัก สิ่งดีดีก็จะเข้ามาในชีวิต"

ซึ่งสิ่งเหล่านี้เหมือนกับเราจะรู้กัน เองนานแล้ว ใช่ป่าว เพราะเราคงได้ยินกันบ่อยๆ ว่า ความรักทำให้โลกสดใส โลกทั้งใบเป็นสีชมพู ไม่ว่าจะรักแบบไหน แต่ต้องเป็นรักที่บริสุทธิ์ใจจึงจะไม่เป็นทุกข์...รักทำให้คนสามารถมองโลก ได้ในแง่ดีเสมอ...

1.4 อย่าลังเลกับสิ่งที่จะลงมือทำ :

สิ่ง ดีดี โอกาสคอยเราอยู่เสมอ เมื่อเราสามารถสร้างแรงดึงดูดได้แล้ว สิ่งที่สะท้อนกลับมา เมื่อเราหยุดคิดอย่างรอบคอบแล้ว อย่าลังเลที่จะรับ อย่าปล่อยให้โอกาสนั้นหลุดลอย เพราะหากคุณไม่เริ่มผลคงไม่เกิด เราไม่จำเป็นต้องเห็นตลอดทั้งเส้นทางหรือเห็นทางทั้งหมด แต่หากคุณเริ่มและลองดู คุณอาจจะเห็นทางอีกหลายทางซึ่งสามารถนำมาเปรียบเทียบกันได้

1.5 รู้จักพอเพียง :

การ รู้จักพอ จะสร้างความสุขที่แท้จริง คนเราทุกวันนี้ ล้วนแต่เอากิเลสเป็นที่ตั้ง อยากได้สิ่งต่างๆมากมายจนเกินความจำเป็นความพอดี ข้อนี้ คงเข้ากับหลักพุทธศาสนา หรือแม้กระทั่ง หลักเศรษฐกิจพอเพียง ได้เป็นอย่างดี

เมื่อรู้จักพอ ความสุขก็เกิด ความเหนื่อยล้า แห่งการดิ้นรนก็น้อยลง ทำให้คนมีเวลาที่จะคิดทบทวนไตร่ตรองสิ่งต่างๆในความคิด ได้ดีขึ้น ดังนั้น ความพอเพียงคงแยกกันไม่ออกจากข้ออื่นๆ ที่กล่าวข้างต้น

กระบวนการ สร้างแรงดึงดูด โดยสรุปแล้ว หากเราต้องการพบความสุขและความสมหวังที่แท้จริง เราก็ควรมุ่งเน้นที่สร้างแรงดึงดูดที่ดี เราต้องหัดปรับเปลี่ยนความคิดทัศนคติไปในทิศทางที่ดี

หากเราคิดดี ทำดี สิ่งสะท้อนออกไปดี สิ่งที่เราได้รับก็จะดี เมื่อทุกคนทำได้ โลกก็จะเป็นสุขและพัฒนาในทิศทางที่ดี...

the secret บอกว่า ทุกวันนี้คนเรามันใช้คำพูดว่า "ต่อต้าน" ในการรณรงค์ต่างๆ ซึ่งทำให้การรณรงค์เหล่านั้นไม่ประสบผลสำเร็จซักที ดังนั้น ควรเปลี่ยนคำพูดเชิงลบ จากคำว่า "ต่อต้าน" เป็นคำพูดเชิงบวก คำว่า "ส่งเสริม" คงจะดีกว่า อาทิเช่น

แทนที่จะต่อต้านสงคราม ก็ควรเปลี่ยนเป็น สนับสนุนสันติภาพ
แทนที่จะต่อต้านความยากจนอดอยาก ก็ควรเปลี่ยนเป็น สนับสนุนผู้คนให้มีอาหารกิน
แทนที่จะต่อต้านพรรการเมืองใดเป็นพิเศษ ก็ควรจะเปลี่ยนเป็น สนับสนุนพรรคการเมืองตรงข้ามพรรคนั้น

หาก ทุกคนเพื่งไปยังสิ่งที่ไม่ต้องการ สิ่งนั้นมันคงยังวนเวียนในหัวสมองของทุกคน แล้วในที่สุดมันก็เป็นการตอกย้ำและดึงดูดให้สิ่งที่ทุกคนไม่ต้องการนั้นเกิด ขึ้น เหมือนสุภาษิตไทยว่า "ยิ่งเกลียดยิ่งเจอ" นั่นเอง ดังนั้น ทุกคน ควรเรียนรู้ที่จะสงบนิ่งและละความสนใจไปจากสิ่งที่เราไม่ต้องการ

กระบวนการที่ 2 : Gratitute หรือ รู้จักขอบคุณ และชื่นชม

การรู้จักขอบคุณ ขอบคุณสิ่งที่อยู่รอบตัวคุณ สิ่งที่คุณมี สิ่งคุณเป็น ด้วยใจจริง ตัวอย่างเช่น

แทนที่คุณจะมองว่าของขวัญจากเพื่อนมูลค่าน้อยนิด คุณจงมองเสียใหม่ว่า ขอบคุณที่มีเพื่อนที่น่ารัก เพื่อนยังคิดถึงเราเสมอ

แทนที่คุณจะน้อยใจว่าพ่อแม่ดุว่า คุณจงมองเสียใหม่ว่า ขอบคุณที่ทุกวันนี้ยังได้ยินเสียงของพ่อแม่ และท่านยังได้มีทุกข์สุขร่วมกับเรา

แทนที่คุณจะมองว่าอาหารมื้อนี้น้อยเกินไป กินไม่อิ่ม คุณจงมองเสียใหม่ว่า ขอบคุณที่ทุกวันนี้คุณยังมีข้าวมีอาหารให้ได้กิน

แทนที่คุณจะมองว่างานหนักเหนื่อย เงินเดือนน้อย คุณจงมองเสียใหม่ว่า ขอบคุณที่คุณยังมีงานทำยังมีเงินเดือนใช้

แทน ที่คุณจะมองว่าเช้านี้รถติดน่าเบื่อ เปลืองน้ำมัน คุณจงมองเสียใหม่ว่า ขอบคุณที่คุณโชคดี ยังมีรถขับ ขอบคุณที่ฝนไม่ตกซ้ำลงมาอีก ขอบคุณที่ได้ที่นั่งบนรถเมล์ ขอบคุณที่ได้ยืนถือเป็นการออกกำลังกายอีกวัน เป็นต้น

หากคุณสามารถมองสิ่งรอบตัวในมุมที่ดีดีได้ คิดเชิงบวกกับสิ่งเหล่านั้นได้ และสามารถขอบคุณสิ่งเหล่านั้นได้ และชื่นชมอย่างจริงใจ คุณก็จะสามารถสร้างแรงดึงดูดดีดี ให้กับชีวิตคุณได้ไม่ยาก

กระบวนการที่ 3 : Visualize หรือ รู้จักสร้างภาพ

การ สร้างภาพในที่นี้ ไม่ได้หมายถึงการให้โกหกหลอกลวง สร้างภาพให้ดูดี ในสายตาคนอื่น แต่การสร้างภาพในที่นี้ หมายถึง การสร้างจิตนาการแห่งความหวังของคุณให้เป็นภาพออกมา เช่น

หากคุณ ต้องการมีบ้านสวย คุณลองวาดภาพบ้านในฝันของคุณออกมาดูซิ คุณก็จะมีความหวัง แรงบันดาลใจ พลังในจิตใจให้เกิดความพยายามในการสร้างสรรค์แนวทางที่จะให้ได้มาซึ่งบ้านใน ฝันของคุณ

ไม่เฉพาะสิ่งของ แม้แต่บุคคลหากเราฝันมันก็อาจเป็นจริง เชื่อได้ว่า ข้อนี้ ทุกคนก็คงเคยฝันถึง คนในอุดมคติ ที่คุณสามารถเอาเป็นแบบอย่างได้ ความลับข้อนี้ มันอาจถูกเปิดเผยมานานแล้ว เพียงแต่เรายังไม่ทราบเท่านั้นเองว่า มัน คือ ช่องทางแห่งความสำเร็จ

การ สร้างภาพ มันก็เหมือนเป็นการสะกดจิตตัวเอง ด้วยภาพ ที่อาจสร้างขึ้นมาในสมอง ในจิตใจ หรือ วาดออกมาให้เห็นจริงๆในวัสดุใดใด การสร้างภาพ ไม่ได้จำเพราะเพียงรูปภาพ แต่หมายรวมถึง ภาพของอักษรที่ร้อยเรียงคำพูด การกระทำของทั้งตัวเราเองและคนอื่นที่เราต้องการขอบคุณและชื่นชม เช่น หากคุณมองภาพดีดี หรือเขียนคำชื่นชมลูก สามี ภรรยา เจ้านาย ลูกน้อง ทุกวัน ก็จะทำให้คุณมีทัศนคติและความสัมพันธ์ที่ดีต่อพวกเค้า เป็นต้น

หาก คุณได้เพ่งมอง และรู้จักชื่นชมภาพเหล่านี้ทุกวัน แรงดึงดูดภายในจิตใจคุณก็จะถูกสร้างขึ้น สิ่งที่คุณฝันก็จะบังเกิด ดังนั้น หากคุณสร้างภาพในใจ ในสมอง ในความคิด ที่เป็นสิ่งดีดี สิ่งที่น่าชื่นชม ปฎิกิริยาต่างๆของคุณก็จะแสดงออกมากับสิ่งเหล่านั้นดี ปัญหาความขุ่นใจก็จะถูกลบเลือนออกไป แล้วสิ่งดีดี ก็จะบังเกิดขึ้นกับคุณอย่างแน่นอน

ข้อคิดจากคำคม ใน The secret

"Whatever you're thinking and feeling today is creating your future"
"อะไรก็ตามที่คุณคิดและรู้สึกในวันนี้ คือ สิ่งที่สร้างอนาคตของคุณ"

"Your thaught and you feeling create your life"
"ความคิดและความรู้สึกของคุณ สร้างชีวิตคุณ"

"You create your own universe as you go along"
"คุณสามารถสร้างจักรวาลของคุณเองได้ ในทุกขณะที่คุณดำเนินชีวิต"

" Take the first step in faith you don't have to see the whole staircase just take the first step"
"เริ่มก้าวแรกด้วยความศรัทธา คุณไม่จำเป็นต้องเห็นขั้นบันไดทั้งหมด คุณแค่เริ่มต้นที่ก้าวแรก"

"When you want to change your circumstance you must first to change your thinking"
"หากคุณต้องการเปลี่ยนสิ่งที่เป็นอยู่รอบตัวคุณ คุณต้องเปลี่ยนความคิดคุณเป็นอันดับแรก"

"Imagination is everything. It is the preview of lifes coming attractions"
"จินตนาการคือทุกสิ่ง มันเปรียบเสมือนภาพของชีวิต ที่กลายเป็นแรงดึงดูด"

"Whatever the mind of man can conceive, it can achieve"
"อะไรก็ตาม ที่จิตใจของคนสามารถคิดได้ มันก็สามารถนำมาครอบครองได้"

"We are a creater of our universe"
"พวกเราคือผู้สร้างสรรรค์จักรวาลของพวกเราเอง"

"Energy flows when attention goes"
"พลังงานจะไหลลื่น เมื่อความมุ่งมั่นเกิดขึ้น"

"The relationship will really work, we need to focus on what we appriciate about the other person, not only complaining about"
"ความสัมพันธ์จะดำเนินไปด้วยดี หากคุณรู้จักชื่นชมสิ่งที่คุณประทับใจบ้าง ไม่ใช่เพียงแค่การบ่น ดุด่า หรือตำหนิ"

"We can not control other people, no matter how are we try"
"เราไม่สามารถควบคุมผู้อื่นได้ ไม่ว่าเราจะพยายามมากซักแค่ไหนก็ตาม"

" All power is from within and is therefore under our own control"
"พลังอำนาจทั้งหมดมาจากภายใน ฉะนั้นมันควรอยู่ภายใต้การควบคุมของเรา"

" You are the designer of your destiny. You are the writher who write your story.
The pen is in your hand and the outcome is whatever that you choose"
"คุณคือผู้ออกแบบชะตาชีวิตของตัวคุณเอง คุณคือผู้แต่งเรื่องราวของคุณเอง
ปากกาอยู่ในมือของคุณแล้ว และผลท้ายสุดที่ได้ ก็ขึ้นกับที่คุณจะเลือกเอง"

“เป็นไปไม่ได้ที่ใครจะรู้สึกแย่ ในขณะที่คิดอะไรดีๆ” … Charles Haanel

“สิ่งที่คุณต่อต้าน จะยิ่งทานทน” … Carl Jung (1875-1961)

“ไม่ว่าคุณจะคิดว่าคุณทำได้ หรือคิดว่าคุณทำไม่ได้ คุณก็คิดถูกทั้งนั้น” .. Henry Ford (1863-1947)

จุดเด่นของธุรกิจเครือข่ายอยู่ที่ไหน

1. คือ Win - Win Business (ธุรกิจที่ชนะชนะ ) เมื่อคนที่ท่านแนะนำธุรกิจ (ลูกทีมของท่าน) สำเร็จ
ท่านในฐานะผู้แนะนำ.... จึงจะ.... สำเร็จด้วย

2. คือ No - Risk Business (ธุรกิจที่ไม่มีความเสี่ยง) ด้วยขนาดเงินลงทุนต่ำ แต่ใช้สัมพันธภาพสูง ใช้เวลาพอควร ท่านไม่ต้องลงทุนสร้างทรัพย์สิน อาคาร, อุปกรณ์, ที่ดิน (บนกองหนี้สินหรือเงินเรา้)
แต่ท่าน.... กำลัง....สร้าง ทรัพย์สินคือ เครือข่ายประชากร (People Assets) ที่.... ผูกโยง กันด้วยสัมพันธภาพ
และ.... ได้ผลตอบแทนจากทรัพย์สินบนบันทึกข้อตกลง ผลประโยชน์ร่วมกัน!
และ.... ผลตอบแทนนี้ได้มาจาก ผลรวมของทั้งเครือข่าย
บางคน.... เรียกผลตอบแทนนี้ว่า Passive Income
(รายได้ที่ไม่ต้องลงแรงด้วยตนเอง แม้ว่าคุณจะหยุดทำงาน แต่รายได้ ของคุณยัง เกิดขึ้นต่อเนื่องตลอดเวลา)

3. เป็นธุรกิจที่ท่านสามารถเลือกเวลาทำงานตามใจปรารถนา ไม่ต้องตอกบัตรเข้างาน 8.00 น. ไม่ต้องตอกบัตรออกงาน 17.00 น. ไม่ต้องยื่นใบลากิจ, ลาพักร้อนกับใคร นอกจากขออนุญาติตัวเอง! เป็นเจ้านายงานในเวลาของตนเอง (Time Freedom) นั่นคือ... มีอิสระภาพทางเวลา!

4. เป็นธุรกิจที่กำลังอยู่ในทิศทางใหม่ของโลก เพื่อให้ท่านได้มีเวลา อยู่กับครอบครัวให้มากขึ้น (Home Based Business) เพราะ ธุรกิจนี้ทำบนโต๊ะอาหารภายในบ้านของท่าน และบ้านของคนใน เครือข่ายได้

5. เป็นระบบที่เสริมสร้างโอกาสให้ ได้ร่วมทำงานกับ คนหลากหลาย อาชีพ, หลากหลายประสบการณ์, หลากหลายวัฒนธรรม (Multi Experience - Multi Profession - Multi culture) บนความเท่าเทียมกัน ไม่มีใครเป็นเจ้านาย-ลูกน้อง
ทุกคน คือ สมาชิกอิสระ (Distributor) ภายในระบบธุรกิจมีการ.... ถ่ายทอด.... องค์ความรู้ในวิชาชีพ
องค์ความรู้ในผลิตภัณฑ์.... จิตวิญญาณที่ปลุกพลังแห่งความสำเร็จ ลงไปเป็นชั้น ๆ ต่อ ๆ กัน ไม่รู้จบ


6. เป็นธุรกิจที่ต่อเชื่อมท่านเข้ากับธุรกิจ ข้ามชาติระดับโลกท่านไม่ต้องสร้างระบบใหม่ ด้วยตนเอง แต่ดำเนินตาม, ปฏิบัติตามแบบแผน ธุรกิจ (Business - format) ที่วางไว้อย่างดีเป็นแบบเดียวกันทั่วโลก (บางคนเรียกว่าเครือข่ายของแฟรนไชส์ ระดับเล็กๆ หรือระดับบุคคล มาผูกโยงเชื่อมกัน (Network of Micro or Personal Franchisee) แต่ไม่ต้องจ่ายค่ารอยัลตี้ (Royalty fee) ใดๆ เลย

7. เป็นระบบธุรกิจเดียวที่มีผลกำไรงอกเงย ขึ้นตลอด 24 ชั่วโมง/วัน ตลอด 365 วัน/ปี แม้ท่านเองจะหยุดพักผ่อน, หยุดพักร้อน เพราะเวลาทำงานภายในเครือข่ายของท่าน อาจอยู่อีกซีกโลกหนึ่ง
ซึ่งกำลังทำงานอยู่ในขณะที่ท่านนอนหลับ
ซึ่งกำลังทำงานอยู่ในขณะที่ท่านหยุดพักร้อน

8. เป็นระบบธุรกิจเดียวที่ผลงานแห่ง ความพากเพียร ของท่าน วันละ 2 ชั่วโมง สามารถทวีคูณไปเป็น วันละ 2,000 ชั่วโมง, 20,000 ชั่วโมง.... แปรผัน.... ตามความใหญ่โตของ เครือข่ายของท่าน
และ.... เมื่อท่านสามารถสร้างสินทรัพย์ (People Assets) เครือข่ายอย่างมีคุณภาพ ท่านก็สามารถทำงาน เต็มที่เพียง 3 - 5 ปี เพื่อรับบำนาญติดต่อกันไปตลอดชีวิต


หากท่านเป็นลูกจ้าง (Employee) มีรายได้จาก เงินเดือนเป็นหลัก ท่านอาจต้องทำงาน 35 ปี (60-25) เพื่อรอกินบำนาญเพียงเล็กน้อยต่อไป 5-15 ปี (หลังอายุ 60ปี)
หากท่านเริ่มงานด้วยเงินเดือนเริ่มต้น เดือนละ 7,000 บาท และโชคดีเงินเดือนของท่าน
ได้รับการปรับเพิ่มทุกๆ ปีๆ ละ 5-10%
เมื่อทำงานติดต่อกันถึง 35 ปี.... ท่านจะได้รับเงินจากผลงานทั้งชีวิต (420 เดือน)
รวมประมาณ 7 ล้านบาท


แต่ท่านทราบไหม? ว่า เงิน 7 ล้านบาทนี้ ท่านอาจสร้างขึ้นได้จากธุรกิจระบบเครือข่าย
(หากครบองค์ 5 : บริษัทมั่นคง, ผลิตภัณฑ์คุณภาพดี แผนธุรกิจดี, แนวโน้มเศรษฐกิจเอื้ออำนวย, อยู่ในเวลาและโอกาสอันเหมาะสม)
ภายในเวลาไม่ถึง 2 ปี หรือไม่ถึง 5 ปี

กำหนดวันเกษียณอายุของคุณ เพื่อรับบำนาญ หลังจากนี้ ไม่เกิน 5 ปี....

ที่มา : หนังสือพ่อรวยสอนลูก ชุดโรงเรียนสอนธุรกิจ

Wall Street Journal Report

ในอนาคตมีการทำนายกันว่าประชากรส่วนใหญ่เกือบทุกคน จะมีโอกาสใช้สินค้าและบริการหรือไม่ก็เข้าร่วมทำธุรกิจเครือข่าย ไม่อันใดก็อันหนึ่งอย่างแน่นอน และอาจทำให้ธุรกิจเครือข่ายกลายเป็นเสาหลักทางการค้าแห่งอนาคตเลยก็ได้ เพราะผู้เข้าร่วมทำธุรกิจเครือข่ายมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ข้อมูลเพิ่มเติมจากนิตยสารที่ทรงอิทธิพลที่สุดใน USA "Wall Street Journal" ได้ทำนายว่า 75% ของสินค้าและบริการทั้งหมดของโลกในศตวรรษหน้า จะถูกกระจายผ่านโดยธุรกิจของระบบเครือข่ายทั้งหมด

แล้วคุณคิดว่าจะตอบสนองกับแนวโน้มนี้อย่างไร?

วันอังคารที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

Rich Dad Poor Dad

Mr. Robert T. Kiyosaki, author of “Rich Dad, Poor Dad,” said that there are four methods to making money, as illustrated in the figure, and the successful person is the person that is able to put themselves in the right side of the divide, with a system of passive income.


Two millionaires of America: on the left is Mr. Robert Kiyosaki, with a wealth of over 100 million dollars, and on the right is Mr. Donald Trump, a billionaire. These two have come together to write Why We Recommend Network Marketing, which explains why these two men suggest that people interested in doing business look to “Network marketing.”




A regular job cannot make us wealthy, and instead only leave us with debt. If you want to be successful you have to be a business owner. There are two types of businesses: wealthy but you must keep working on it, and wealthy where you can stop working and the profits still roll in.

1. large enterprise (Microsoft, IBM, CP, AIS)
2. Franchise owner (McDonald’s, 7-Eleven)
3. Network marketing

- Network marketing is like a school that educates businesspersons, allowing you to change sides most easily, effectively and safely.

- A good network marketing company must have an effective development system (teaching you to be a businessperson, to own your own business, and not to become a sales man or just so you can make a small income, on a stability that cannot be counted on).

- The wealthiest people in the world all seek to build a network while other people are looking for work. If you have large, creative ideas or an excellent product, there is just one path that will lead to you success. That is using networks for public relations and networks for the most effective method of distribution of those products into the hands of the consumer.

MLM Insider Online

ในอเมริกามีนิตยสารหลายฉบับที่เป็นนิตยสารเกี่ยวกับธุรกิจเครือข่าย เช่น Big Al's Fortune Now, Direct Selling News, Home Business Connection Magazine, MLM Magazine, MLM Woman Newsletter, Network Marketing Business Journal, Network Marketing Magazine, Network Marketing Turkey Magazine, Networking Times, Opportunity World & Money 'N Profits, Succes Reseau, mlminsider และอื่นอีกหลายฉบับ และมีนิตยสารหลายฉบับที่มีการจัดอันดับบริษัท mlm ในอเมริกา ซึ่งความน่าเชื่อถือก็แตกต่างกันออกไป
MLMinsider ซึ่งเป็นเว็บไซต์และนิตยสารธุรกิจ mlm รายหนึ่งในอเมริกา ได้จัดอันดับบริษัท mlm ในอเมริกาทุกๆปี
ในปี 2006-2007 ได้มีการจัดอันดับบริษัท mlm ในอเมริกาโดยการสำรวจและ vote (เฉพาะบริษัทในอเมริกา ไม่ใช่ทั่วโลก เพราะบริษัทที่ให้เลือก vote มีแต่รายชื่อบริษัทในอเมริกา)

จะเห็นได้ว่า Agel เป็นบริษัทที่น่าจะร่วมทำธุรกิจด้วยเป็นอันดับ 2 ในทัศนะของคนอเมริกา ทั้งที่พึ่งจะก่อตั้งมาในเวลาไม่ถึง 2 ปี (ณ วันที่ได้รับการโหวต) ในขณะที่บริษัทอื่นๆ ในกลุ่มเดียวกันนั้น มีอายุเฉลี่ยเกินกว่า 10 ปีทั้งสิ้น!!

One Million baht income…Anyone can do it!!

Cream of the CROP “Niti Sawangsap”

One Million baht income…Anyone can do it!!
“…if you thoroughly understand network building technology,
failure is more difficult than making it a success…”
The saying seems to be “ARROGANT” but it is true in the case of

“Niti Sawangsap”,one of “Best Distributors” of Thai Direct Selling Associaltion (TDSA).
At present, he has established himself at a TOP TEN level of Thailand!!!
Though “Niti” is only in his thirties, he has proved himself successful in the network business circle, before stepping up to be “Number One” of an international MLM company, “Agel Enterprise” with the other “8 potent Generals”.

The team has actually grabbed hold of “9” Mercedes Benz ‘right in their own hands,within an extremely short time of less than half a year!!!
Prior to the event, “Niti” had achieved the 120 million baht sales target by the end of the past year and was gaining a momentum to leap to the 700 million baht target by the end of this year!!!
“Agel Mission” is to reclaim “international network” to every corner of the world!!! by opening up new market in Vietnam, Singapore, Malaysia, Hong Kong, India, Korea, Japan and Australia, etc.


“Niti Sawangsap’s” self is only
an ordinary man!!!
We begin by retracing to get to “know” “Niti’s” self and background in times of his oblivion “charming youth” up until he becomes a “success person” of today. In fact, in the past, his “attitude” towards network marketing business which was a “tremendously powerful consumer network” in a shallow way and almost an “ANTI” way the reason being … one of the “selling jobs” so it did not fit his “image” and social status he was holding at the time!!!
Since he graduated a “cream” of the class in Bachelor level “Engineering” from the renown so-called “Pink Fence” institution of Chulalongkorn University, he should take up a profession of his child dream by applying into a "Petroleum Engineer” post in a large international enterprise. He thought he was walking on a success track in his dream profession!!!
He accepted that he “closed his mind” to any “selling job” whatsoever!!! Then, no matter how much “Niti” had devoted himself and enjoyed working as “petroleum engineer,” the other side of him began to feel the “failure” because he was “non-human relations” so was unable to “communicate” successfully with his team and effected in jerky “management” and “assignment.”
It was during 1990. “Niti” said “I wanted to correct difficulties in everyday work and brought the issue to an elder engineer. He suggested that I should try marketing or selling something to learn how to communicate and work together with a group of people, but the job should be independent and not permanent. I finally end up at “Amway”, a giant MLM company from the United States.”
Then, though his “mind” was “closed” to any selling job, but finally he “gave in” a little because he wanted to learn the “method” to work with a group of people and learn how to have good “human relations” which was an outstanding characteristic of direct marketing.


Experience distilled into “success system,”
impossible to fail !!!
After that, Niti’s path to success changed forever. Although he did not intend to be “Direct-selling man”, however the charming of network marketing filled in giving what he wanted which was “Financial & Time Freedom.” It grasped him and compelled him to stay there and eventually became his 2nd goal in life.
Not long after that, “Niti” changed dimension in doing direct marketing business by turning himself to an “executive.” At that point, he “realized” that
In fact, “network marketing business” does not have only one “dimension”!!!
Because the business is complicated in itself, it is necessary to have a “system” to mobilize such huge network effectively and efficiently.
10 years passed and it seemed that “Niti” had not gain anything much …
However, at the beginning of a new decade, he announced a new work strategy from experience and what he learned from various “successes” which he then combined into “principles” before selectively utilized in serious practice using “duplication” method regularly and continuously.
“Niti” calls this practice “System to success” or “Niti Formula” which won him the first success on the road of network marketing.
“Niti” became “Millionaire” and was admired as “best independent business owner” by “Thailand’s Direct Sell Association” in 2003 and topmost distributors of “Tahitian Noni”. At the same time, he had started his “3rd dream” which is “INTERNATIONAL NETWORK EMPIRE” by expanding network marketing to Vietnam. That resulted in an increase of sale volume of at least 15 million baht per month!!!


“Network Marketing business”
a road to stability and prosperity!!!
“Niti’s Ready-made formula” or “system to success” may not be very clear at first for many people. Referring to “Simply The Best” or the No.1 team of “Tahitian Noni” in the past, may be able to give a vivid picture of the work of this professional team, of what style of work they had, how they compare to foreign network marketers.
Primarily, “Niti” revealed that the principle is “Activity equals Income” under the environment of duplication until it becomes “basic work.” The team is taught continuously and regularly to do 3 things as follow:
1. Work that increases VOLUME
2. Work that increases DOWNLINES
3. Train your team to do No.1 and 2.
From then on, create “Work” by “Duplication” under environment that “mobilize people” into streams of work, that is, arrange weekly, monthly, four-monthly meetings; with mechanism of setting goals in levels, rewarding for success also in levels and tools in transferring knowledge such as VCD’s and MP3, and books that are screened by “Niti,” etc.
“Most importantly, a Billion baht can come our way if we have enough people sponsoring it and can not come from us alone. We must teach our team to understand that and learn how to make sponsor with us doing remote supervising.”
In the end, “Niti” extends the following suggestions, “Whoever is looking for business channel or wishes to own a business and wants to earn large amount of money at one hundred thousand baht or one million baht, network business can respond to such demand. If only you endure and tolerate with continuous attempts within 2-3 years, this type of business can bring you the stability and prosperity for sure.”

อ้างอิง : นสพ.เส้นทางนักขาย ปีที่ 6 ฉบับที่ 131 ปักษ์แรก ประจำวันที่ 1-15 พฤษภาคม 2551

เดือนละล้าน ใครก็ทำได้

เดือนละล้าน ใครก็ทำได้
โดย นิติ สว่างทรัพย์



“ผมเชื่อโนฮาวของผมที่มีอยู่ไม่แพ้ใคร ซึ่งอยู่ตรงกลางระหว่างแนวอเมริกันกับมาเลย์ และการที่ผมสร้างตัวเองมาได้ วันนี้ผมค้นพบว่า มันต้องมี 5 พร้อม สำหรับคนที่จะทำอินเตอร์ได้ ประการแรก ต้องพร้อมด้านกำลังทรัพย์ พร้อมเวลา พร้อมความรู้ พร้อมภาพพจน์ความสำเร็จ และพร้อมภาษา ขาดอันใดอันหนึ่งไม่มีทางสำเร็จได้”

“...หากมีความเข้าใจธุรกิจเครือ ข่ายอย่างแตกฉาน ผมว่าทำให้ล้มเหลว ยากกว่าทำให้สำเร็จซะอีก…”
นี่คือคำกล่าวที่ดูเหมือนว่าจะ “อหังการ” แต่เป็นไปได้จริงของ “สุดยอดนักขายเงินล้าน” หนึ่งใน “นักธุรกิจอิสระดีเด่น” ของ “สมาคมขายตรงไทย” นามว่า “นิติ สว่างทรัพย์” ปัจจุบันเขาขึ้นแท่น ระดับ TOP TEN ของเมืองไทย เป็นที่เรียบร้อย !!!
แม้ว่า “นิติ” จะมีอายุเพียงแค่ 30 ปีเศษ แต่เขาก็สามารถพิสูจน์ตัวเองในแวดวง นักธุรกิจเครือข่ายได้สำเร็จ ก่อนที่จะก้าวขึ้นสู่ “เบอร์ 1” ในบริษัทขายตรงข้ามชาติมาแรง อย่าง “Agel Enterprise” (อาเจล เอ็นเตอร์ไพรส์ ไทยแลนด์) พร้อมด้วย “8 ขุนพล” ผู้ทรงพลังแห่งศักยภาพ ที่ร่วมกันคว้ารางวัล “กองทุนเบนซ์” กราวรูด 9 คัน มาครอบครอง ในระยะเวลาไม่ถึงครึ่งปีเท่านั้นเอง !!!
ก่อนหน้านี้ “นิติ” ได้ทำยอดขายทะลุไปแล้ว 120 ล้านบาท เมื่อปลายปีที่ผ่านมา และกำลังสร้างแรงเหวี่ยงก้าวกระโดด ด้วยการทำเป้าหมายแตะ 700 ล้านบาทในสิ้นปีนี้ บนความคาดหมายว่า ปีหน้ายอดขายจะต้องเกิน 1,000 ล้านบาท ภายใต้ “พันธกิจ”... บุกตะลุย “เครือข่ายอินเตอร์” ไปทั่วทุกมุมโลก !!! โดยการเปิดตลาดไปยัง เวียดนาม เยอรมัน อเมริกา สิงคโปร์ มาเลย์ ฮ่องกง และออสเตรเลีย ฯลฯ
แต่เหตุการณ์นี้ จะถูกนับเป็น “ประวัติศาสตร์” อีกหน้าหนึ่งของเมืองไทยหรือไม่? ขึ้นอยู่กับคนในแวดวงธุรกิจเครือข่าย รวมทั้งท่านผู้อ่านที่จะเป็นผู้ร่วมโหวตลงคะแนนสนับสนุนให้มีการ “บันทึก” ไว้ เพื่อเป็น“รอยเส้นทางแห่งอดีต” ให้ “คนรุ่นหลัง”ได้ศึกษา เพื่อเป็น “ทางลัด” นำตัวเองก้าวขึ้นสู่ความสำเร็จ ด้วย“สูตรธุรกิจ” เฉพาะแบบนี้ ในวันข้างหน้า
หากวิเคราะห์ถึง “จุดขาย” ใน “จุดแข็ง” หรือความเป็นตัวตนของ “นิติ” พบว่า เขาคือนักธุรกิจอิสระคนหนึ่งที่ยึดมั่นในความพยายาม และมีความมุ่งมั่นที่จะ “สานฝัน” ด้วยการสร้างความสำเร็จในวิชาชีพ “ให้เป็นจริง” โดยวิธีการปฏิบัติธรรมดาๆ แบบว่า...ใครๆ ก็ทำได้ !!!
โดยอาศัยการเรียนรู้จากประสบการณ์ทำงาน “ภาคสนาม” ที่ผ่านการกลั่นกรองหลายตลบมาแล้ว จาก“หลักคิด” ที่ตกผลึก จนกระทั่งกลายเป็น “ซิสเต็มทูซัคเซส” หรือ “ระบบสู่ความสำเร็จ” ของตัวเอง
ตัวตน “นิติ สว่างทรัพย์”มนุษย์ธรรมดาคนหนึ่ง!
ขอเริ่มต้นด้วยการย้อนรอยไป “รู้จัก” ตัวตนและความเป็นมาของ “นิติ” ในสมัยเมื่อครั้งที่เขายังเป็น“หนุ่มน้อยหน้าหยก” ไร้คนกล่าวขาน จนกระทั่งกลายมาเป็น “บุคคล ซัคเซส” ในทุกวันนี้... แท้จริงแล้วในอดีตเขาเป็นคนที่มี “วิสัยทัศน์” ต่อธุรกิจเครือข่ายและประกันภัย อันเป็น“เครือข่ายผู้บริโภค”ที่“ทรงพลังมหาศาล”แบบธรรมดาๆ และค่อนข้างจะ “แอนตี้” ด้วยซ้ำไป เหตุผล คือ...
เป็น “งานขาย” จึงไม่เหมาะกับ “ภาพลักษณ์” และสถานะทางสังคมที่เขาเป็นอยู่ในเวลานั้น !!!
เพราะหลังจบการศึกษา “ชั้นหัวกระทิ” ในระดับปริญญาตรี “วิศวะ” จากรั้ว“จามจุรีสีชมพู”หรือ “จุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย” มาหมาดๆ เขาได้เดินเข้าสู่สายงานวิชาชีพที่ ใฝ่ฝันมาตั้งแต่เด็ก ด้วยการเป็น “วิศวกร ปิโตรเลียม” ในบริษัทข้ามชาติยักษ์ใหญ่สมความปรารถนา ซึ่งในขณะนั้น เขาคิดว่า ชีวิตของเรา เดินทางมาสู่ความสำเร็จ ในวิชาชีพการงานแล้ว !!
เหตุนี้เอง เมื่อมีใครมา สปอนเซอร์ เขาเข้าร่วมงานขายตรง มักจะถูกปฏิเสธอย่างสิ้นเชิง เผลอๆ อาจได้ยินคำสบถต่อท้าย ประมาณว่า
“...แหมจบวิศวะมาขายสบู่อย่างงี้เสียหาย... หา...เหย...มา ...หมด”
เขายอมรับว่า ตัวเอง “ปิดใจ” ไม่ยอมรับ “งานขาย” อะไรทั้งนั้น !!!
ต่อมาแม้ว่า “นิติ” จะพยายามทุ่ม เทและสนุกสนานกับการทำงาน รวมทั้งการเป็น “วิศวกรน้ำมัน” ขนาดไหนก็ตาม แต่อีกด้านหนึ่ง เขาเริ่มสัมผัสได้ถึง “ความล้มเหลว” เพราะตัวเองเป็นคนที่ “ไร้มนุษย์สัมพันธ์” จึง “สื่อสาร” กับผู้ใต้บังคับบัญชาในสายงานไม่ประสบผลสำเร็จ ส่งผลให้“การบังคับบัญชา” และ “การสั่งงาน” ต่างๆ ติดขัดไปหมด
ณ ขณะนั้น ช่วงปี 2533 “นิติ” เล่าว่า “ผมต้องการแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่มีต่องานประจำ และได้นำเรื่องนี้ไปปรึกษากับวิศวกรรุ่นพี่ ผมได้รับคำแนะนำว่า ควรจะไปทำงานขาย ขายของอะไรสักอย่าง เพื่อจะได้ฝึกทักษะการสื่อสาร และการทำงานร่วมกับคนหมู่มาก แต่จะต้องมีอิสระ ไม่ใช่งานขายประจำ สุดท้ายก็มาลงเอยที่ แอมเวย์ บริษัทขายตรงยักษ์ใหญ่จากสหรัฐอเมริกา ที่เพิ่งมาเปิดตลาดในเมืองไทย เมื่อปี 2530 นี้เอง”
ครั้งนั้นแม้ว่า“ใจ”ของ“นิติ”จะ“ปิด” ต่องานขายทุกชนิด แต่สุดท้ายก็ต้อง“ยอม” แง้มประตูออกมาศึกษาค้นหา“วิธี”การทำงานร่วมกับคนหมู่มาก และเรียนรู้การมี “มนุษย์สัมพันธ์” ที่ดีต่อผู้คน อันเป็นคุณลักษณะที่โดดเด่นของธุรกิจขายตรงนั่นเอง


กลั่นประสบการณ์สู่ “ระบบซัคเซส”
เกินที่จะล้มเหลว!!
หลังจากนั้น เส้นทางชีวิตการทำงานของ“นิติ” ก็เริ่มเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง แม้ว่าเขาจะไม่ได้มีความตั้งใจจริงที่จะมาเป็น “นักขายตรง” แต่ในที่สุดเสน่ห์ของธุรกิจขายตรงที่ให้ “อิสรภาพทางเวลา” ได้ช่วยดึงดูดและมัดใจเขา ให้“หักเห” เส้นทางการทำงานจากงานประจำ มาใส่ใจ“งานขาย”ในแบบ“ธุรกิจอิสระ” มากยิ่งขึ้น จนกระทั่งกลายเป็น “ฝันที่สอง” ของชีวิต และเขาได้ตั้งเป้าหมายว่า
เราจะต้องพิชิตตำแหน่งสูงสุดขององค์กร “แอมเวย์” ให้ได้ !!!
สุดท้าย จึงตัดสินใจลาออกจากงานประจำ ซึ่งเป็นงานสายอาชีพที่เขารัก เพราะเป็น “ฝันแรก” ของตัวเอง “นิติ” ให้เหตุผลว่า เขาเริ่มศึกษาและเรียนรู้ รวมทั้งวิเคราะห์ความสำเร็จของนักขายตรงที่ประสบความสำเร็จในชีวิตอย่างละเอียดรอบคอบ จนกระทั่งได้ข้อสรุปว่า...
“หากจะทำฝันที่สองของตัวเองให้สำเร็จ เราจะต้องเล็งหาช่องทางที่จะเป็นต้นสายงานของธุรกิจเครือข่ายในประเทศใดประเทศหนึ่งให้ได้ ผมจึงพยายามหาโอกาสให้กับตัวเองอยู่ตลอดเวลา จนกระทั่งได้จังหวะดี ผมจึงตัดสินใจบินไปเปิดสายงานที่ประเทศฟิลิปปินส์ โกอินเตอร์ครั้งแรก แล้วก็จบลงด้วยความล้มเหลว”
หลังจากนั้นไม่นาน“นิติ” ได้เปลี่ยนวิถีทางไปเรียนรู้การทำธุรกิจขายตรงในอีกมิติหนึ่ง ในฐานะ“ผู้บริหาร” จุดนี้เองที่ทำให้เขาได้รับรู้และ“เข้าใจ” ว่า
แท้จริงแล้ว“ธุรกิจขายตรง”ไม่ได้มีแค่ “มิติ” เดียวเท่านั้น !!!
เพราะเป็นธุรกิจที่มีความสลับซับซ้อนอยู่ในตัวเอง จำเป็นที่จะต้องมี“ระบบ” ในการขับเคลื่อนเครือข่ายอันกว้างใหญ่ ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และประสิทธิผล
10 ปี ผ่านไป คล้ายกับว่า“นิติ” จะไม่ค่อยประสบความสำเร็จอะไรมากนัก...!!
แต่พอเริ่มรอบทศวรรษใหม่ เขาได้พลิกยุทธศาสตร์การทำงานใหม่ โดยการรวบรวมประสบการณ์ และศึกษาแนวทางของ “ผู้สำเร็จ” หลากหลายคนเพิ่มเติม จากนั้นได้นำมาผนวกเป็น “หลักคิด” เพื่อแยกส่วนสู่การ“ปฏิบัติ” อย่างจริงจัง บนวิธีการ “ทำซ้ำ” ครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่อง
โดย“นิติ”ได้เรียกปฏิบัติการนี้ว่า “ระบบ” หรือ “สูตรนิติ” จนกระทั่งผลที่ได้ คือ
การประสบความสำเร็จบนเส้นทางนักขายตรงเป็นครั้งแรก !!!
“นิติ” กลายเป็น “สุดยอดนักขายเงินล้าน” และได้รับการยกย่องให้เป็น “นักธุรกิจอิสระดีเด่น” แห่ง “สมาคมการขายตรงไทย” (TDSA) ปี 2546 และเป็นนักขายตรงระดับสูงสุดของ“โนนิ” (ตาฮิเตียนโนนิ) พร้อมกันนั้นเขายังได้สาน“ฝันที่สาม” กับความพยายามที่จะโกอินเตอร์เป็นครั้งแรก.. ด้วยการขยายสายงานเครือข่ายไปยัง เวียดนาม
ส่งผลให้มียอดขายสูงถึงเดือนละไม่ต่ำกว่า 15 ล้านบาท !!!


“ธุรกิจเครือข่าย”เส้นทางสู่ความมั่นคงและมั่งคั่ง!!
“สูตรสำเร็จ” หรือ “ระบบการทำงาน” ของ “นิติ” ในเบื้องต้น หลายคนอาจจะยังมองเห็นภาพได้ไม่ชัดเจนมากนัก... หากกล่าวถึง “ซิมพลีเดอะเบส” หรือทีมงานขายตรงอับดับหนึ่งใน “ตาฮิเตียนโนนิ” ในยุคที่ผ่านมา อาจจะพอช่วยให้นึกภาพการทำงานของทีมงานนักขายตรงมืออาชีพทีมนี้ออกว่า
มีสไตล์การทำงานอย่างไร? สู้กับนักขายตรงต่างชาติได้อย่างไร? ขนาดไหน?
โดย “นิติ” ได้ยอมรับว่า “ผมเชื่อว่าโนฮาวของผมที่มีอยู่ไม่แพ้ใครในโลก เพราะอยู่ตรงกลางระหว่างแนวอเมริกันกับมาเลย์ ซึ่งการที่ผมจะสร้างตัวเองมาได้จนกระทั่งถึงจุดนี้ ผมค้นพบว่า จะต้องมี 5 พร้อม สำหรับคนที่จะโกอินเตอร์ 1.จะต้องพร้อมกำลังทรัพย์ 2.จะต้องพร้อมเวลา 3.จะต้องพร้อมความรู้ 4.จะต้องพร้อมภาพลักษณ์แห่งความสำเร็จ 5.จะต้องพร้อมภาษาสากล ขาดสิ่งใดสิ่งหนึ่งไม่ได้ เพราะจะต้องไม่ประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน”
หากสงสัยว่า “โนฮาว” หรือ “ระบบ” (สูตรนิติ) เป็นอย่างไรนั้น ?!
เบื้องต้น “นิติ” ได้เผยหลักคิดว่า จะต้องยึดหลักการ “ทำงาน=ทำเงิน” หรือ “Activity=Income” ภายใต้เงื่อนไขปฏิบัติการทำซ้ำ จนกระทั่งอาจเรียกว่าเป็น “งานพื้นฐาน” ที่สอนทีมงานให้ทำต่อเนื่อง อย่างสม่ำเสมอ 3 อย่าง คือ
1.งานที่สร้างยอดขาย
2.งานที่สร้างคน
3.งานที่ฝึกฝนคนให้สามารถทำงานที่จะสร้าง “ยอดขาย” และสร้าง “คน” ได้

จากนั้นก็ “สร้างงาน” ด้วยการทำให้เกิดการ “เลียนแบบ-ทำซ้ำ” ได้ ภายใต้สภาวะสิ่งแวดล้อมที่ทำให้มีการ “ขับเคลื่อนคน” เข้าสู่สายงาน นั่นคือ จัดให้มีการประชุมประจำสัปดาห์ ประจำเดือน ประจำสี่เดือน, มีกลไกการตั้งเป้าหมายความสำเร็จเป็นลำดับชั้น, มีการให้รางวัลความสำเร็จเป็นลำดับชั้นขึ้นไปเรื่อยๆ และมีเครื่องมือในการให้ความรู้ต่างๆ เช่น วีซีดี ซีดี เอ็มพีสาม และหนังสือที่ผ่านการคัดกรองโดย “นิติ” เป็นต้น
“ที่สำคัญที่สุด เงินพันล้านจะมาหาเราได้ จะต้องมีคนเยอะพอ คนจะต้องมาจากการ สปอนเซอร์ แต่ไม่ใช่ การสปอนเซอร์โดยเราเพียงคนเดียว เพราะเราจะต้องสอนให้ลูกทีมเข้าใจ เพื่อจะได้สปอนเซอร์เป็น โดยมีเราคอยดูแลอยู่ห่างๆ”
อย่างไรก็ตาม“ฝัน”จะเป็นจริงได้ เราจะต้อง “ลงมือทำ” และปฏิบัติอย่างจริงจัง ภายใต้กรอบวิธีการทำงานอย่าง “มีระบบ” เพื่อเป็น “กลไก”ขับเคลื่อน ควบคู่ไปกับการทำงานที่“เลียนแบบ”ผู้สำเร็จ เช่นเดียวกับ“นิติ” ที่“ค้นพบ” เส้นทางสู่ความสำเร็จของตัวเองในที่สุด
สุดท้าย “นิติ” ได้ฝากข้อคิดถึงท่านผู้อ่านว่า “ใครก็ตามที่กำลังมองหาช่องทางการทำธุรกิจ รวมทั้งต้องการเป็นเจ้าของธุรกิจ และต้องการมีรายได้สูงๆ ระดับหลักแสนบาท หรือหลักล้านบาทต่อเดือน ธุรกิจเครือข่ายสามารถที่จะตอบสนองความต้องการของคุณได้ เพียงแค่คุณมีความมานะอดทน และมีความพยายามอย่างต่อเนื่อง สัก 2 – 3 ปี ธุรกิจนี้จะนำมาซึ่งความมั่งคงและมั่งคั่งได้อย่างแน่นอน”

กรณีศึกษายักษ์ใหญ่ MLM

ตัวอย่างจริงที่เกิดขึ้นแล้ว ทั้งรูปแบบของบริษัทที่จะเติบโตขึ้น เเละจะถดถอยลง ทุกอย่างที่จะสำเร็จหรือล้มเหลว จะไม่เกิดขึ้น จาก ความบังเอิญ จะต้อง มีที่มา ทั้งสิ้น

Case study ที่ 1 : ตาฮิเตียนโนนิ บริษัท mlm ที่เจริญเติบโตเร็วที่สุดในโลก
การที่เลือกตาฮิเตียนโนนิ เป็นตัวอย่าง เนื่องจากผมมีประสบการณ์ตรงหลายปีกับบริษัทนี้

มีผลิตภัณฑ์ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวชัดเจน ทำการบุกเบิกตลาดใหม่ ไม่ใช่สินค้าที่เป็นการลอกเลียนแบบ
TNI เป็นบริษัทแรกของโลกที่จำหน่ายผลิตภัณฑ์จากน้ำโนนิ จากนั้นก็มีการเลียนแบบมากมายเกิดขึ้น แต่ยิ่งเลียนแบบยิ่งส่งเสริมให้ TNI ขายดีมากขึ้นจนเป็นเจ้าโลกในที่สุด
ผู้บริหารมีวิสัยทัศน์ และมีประสบการณ์ภาคสนามหลายปี สามารถบริหารได้อย่างเป็นอิสระ
MR. Kelly Olsen อยู่ในอุตสาหกรรม MLM มากว่า 20 ปี เป็นผู้บริหารที่ได้รับการยอมรับในฝีมือมากที่สุด มีผลงานในบริษัทต่างๆมากมาย
โดยเฉพาะตอนที่อยู่มาทอลทำให้บริษัทนั้นเติบโตที่สุดในประวัติศาสตร์ ด้วยเหตุที่ลองวิชามาหลายปี ทำให้สามารถตัดสิ่งที่ ไม่ดีออกไป เหลือเฉพาะสิ่งที่ดีเท่านั้น ถึงแม้ในไทยจะไม่เติบโตเท่าไร แต่ในทวีปอื่นๆ โตมาก ปีที่แล้ว TNI มียอดขายกว่า 700 ล้านเหรียญ
มีกลยุทธ์และแผนปฏิบัติการที่ชัดเจน ว่าจะทำอะไรบ้าง มีการบุกเบิกตลาดอย่างไร ใช้เทคโนโลยีช่วยให้ผู้จำหน่ายทำงานง่ายขึ้น
ขยายตลาดต่างประเทศให้ได้มากและเร็วที่สุด ซึ่งสามารถขยายตลาดกว่า 60 ประเทศได้ในระยะเวลาอันสั้นเพียง 7 ปี
มีการเปิดตลาดด้วยสินค้าหลัก คือ น้ำโนนิเพียงตัวเดียว เพื่อให้คนโฟกัส จากนั้นค่อยเพิ่มสินค้าอื่น ๆ เข้าไป
มีการสร้างโนนิคาเฟ่ เพื่อเพิ่มวิธีเข้าหาลูกค้าใหม่ ๆ และตอกย้ำแบรนด์
มีการร่วมมือกับ Hollywood สร้างภาพยนตร์ "The Legend of Johnny Lingo" ออกฉายทั่วโลก
ในปีที่ 6 TNI สามารถสร้างสำนักงานใหญ่ของตนเองได้
สามารถดึงดูดคนเก่งระดับโลกเข้ามาร่วมงานได้ ทั้งผู้บริหาร นักวิทยาศาสตร์ และผู้จำหน่าย
-Kerry Assay อดีตประธานเนเจอร์ซันไชน์ ในช่วงที่มีการเติบโตสูงสุด
-Kelly Olsen อดีตรองประธานบริษัทมาทอล ในช่วงที่มีการเติบโตสูงสุด
-Dr.Ralph Heineke นักวิทยาศาสตร์คนแรกๆ ของโลกที่วิจัยเรื่อง โนนิ
-Dr.Neil Solomon จากมหาวิทยาลัยแพทย์ศาสตร์ John Hopkin
-Dale Maloney ผู้จำหน่ายหมายเลข 1 จาก Nutrition for Life
-Usa Johnson and husband ผู้จำหน่ายหมายเลข 1 จาก Prepaid legal
สามารถจัดงาน International Convention ขนาดใหญ่ที่มีผู้คนหลายพันคนทั่วโลกมาร่วมงาน
จะยิ่งทำให้ผู้จำหน่ายทั่วโลก เกิดความมั่นใจ จนทำให้เกิดโมเมนตัมได้อย่างรวดเร็ว
-TNI ในปีที่ 5 สามารถจัดงานที่ยูท่าห์ มีคนร่วมงานกว่า 4000 คน

Case study ที่ 2 : AGEL ทำใมเอเจลจึงประสบความสำเร็จ และเติบโตอย่างรวดเร็ว?
1. มีผลิตภัณฑ์ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวชัดเจน ทำการบุกเบิกตลาดใหม่ ไม่ใช่สินค้าที่เป็นการลอกเลียนแบบ
ครั้งแรกของโลก ที่มีอาหารเสริม ในรูป เจล พกพาง่าย อร่อย ผู้บริโภคใช้ได้รับผลลัพธ์ดีมาก ที่ผ่านอาหารเสริมจะอยู่ในรูป ของ เม็ด ผง น้ำ เท่านั้น หลายครั้งผู้บริโภคไม่สามารถกินได้ต่อเนื่อง เนื่องจากบางจังหวะไม่มีน้ำดื่ม ทำให้กินอาหารเสริม ในรูป เม็ด หรือผง ไม่ได้ บางครั้งต้องเดินทาง จะพกไปทั้งขวดก็ไม่สะดวก จะพกแบบน้ำไปด้วย บางที่ก็หกเลอะเทอะ ไปหมด
อาหารเสริมที่ดี คืออาหารที่คนได้บริโภคอย่างต่อเนื่องด้วยความสะดวก ไม่ยุงยาก บางทีอาหารเสริมดีดีหลายตัวคนใช้ไม่ได้ ผล เพราะ ความยุ่งยากในการรับประทาน

2. ผู้บริหารมีวิสัยทัศน์ และมีประสบการณ์ภาคสนามหลายปี สามารถบริหารได้อย่างเป็นอิสระ
คุณเกล็น เจนเซน สั่งสมประสบการณ์จากงานต่างๆเฉพาะด้าน MLM เกือบ 20 ปี นอกจากนี้การเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ทำให้สามารถตัดสินใจได้อย่างรวดเร็ว

3. มีกลยุทธ์และแผนปฏิบัติการที่ชัดเจน ว่าจะทำอะไรบ้าง มีการบุกเบิกตลาดอย่างไร ใช้เทคโนโลยี่ช่วยให้ผู้จำหน่ายทำงานง่ายขึ้น
-เเพคเกจจิ้งของเจลซูติคัล ดูดี ทันสมัย เเค่ถือไว้ในมือ ไม่ต้องพูดอะไร คนที่เห็นก็ถามแล้วว่าคืออะไร? การเปิดตลาดจึงง่ายมาก
-มีการเปิดตัวสินค้าใหม่อย่างต่อเนื่อง เช่น ต.ค.นี้ จะเปิดตัวสินค้าใหม่ เกือบ 10 รายการ ซึ่ง mlm ต้องการความตื่นเต้นอยู่เสมอ
-ขณะนี้เอเจลได้เปิดไปแล้ว ถึง 44 ประเทศในเวลาไม่ถึง 2 ปี (เอเจล เริ่ม ต.ค.05) โดย มีทั้งระบบขายผ่านสำนักงาน และ
e-commerse
-เอกสาร สื่อทุกอย่างทั้งสิ่งพิมพ์และวีดีทัศน์ ล้วน มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ชัดเจน
-ระบบการทำงาน ผ่าน website ของเอเจล เป็นหนึ่งในระบบ ที่ดีที่สุดในโลกเครือข่ายปัจจุบัน

4. เพิ่มความมั่นใจให้ผู้จำหน่ายโดยการสร้างสำนักงานใหญ่ของตนเอง
-หลังจากดำเนินธุรกิจเพียง 3 เดือน เอเจลก็เริ่มมีกำไร เพียง 12 เดือน ก็ใช้คืนเงินต้นหมด ขณะนี้ เป็นเดือน ที่ 20 เอเจล เป็นบริษัท ที่ไม่มีหนี้สินเเล้ว
-เดือนเเรกของการเปิดตัว(ต.ค.05) มียอดขายเกือบ 5 ล้านเหรียญ เเละผู้จำหน่าย ท่านหนึ่ง คือ Mr.Randy Schroeder มีรายได้กว่า 80,000 เหรียญ
ซึ่งมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของการเปิดตัวบริษัท MLM
-ทุกเดือนที่ทำธุรกิจยอดขายจะเพิ่มขึ้น ยอดขายเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา สูงกว่า เดือน เม.ย. ถึง 1 ล้านเหรียญ
-ที่สำคัญอาคารสำนักงานใหญ่ ของ เอเจล จะสร้างเสร็จ ในปี 2008 ซึ่งเป็น เพียงปีที่ 3 ของการทำธุรกิจ!!!!

5. สามารถดึงดูดคนเก่งระดับโลกเข้ามาร่วมงานได้ ทั้งผู้บริหาร นักวิทยาศาสตร์ และผู้จำหน่าย
-Mr.Glen Jensen อดีตผู้ก่อตั้ง synergy worldwide
-Mr.Craig Bradley อดีตรองประธาน มาลาลูก้า เเละ ยูซานา
-Mr.Darren Jensen อดีตผู้บริหาร แอมเวย์ เป็น ผู้เชี่ยวชาญเครื่องสำอาง อาทิสทรี
-Dr.Ann De Vee Allen ผู้เชี่ยวชาญชั้นนำของโลก ด้าน L-arginine
-Dr.Maxey Randall อดีตประธาน National Medical Association ของอเมริกา
-Mr.Randy Schroeder ผู้นำจาก Rexall ซึ่งรับรายได้จากธุรกิจเครือข่ายไปเเล้วกว่า 24 ล้านเหรียญ
-Mr.Randy Gage กูรูด้าน mlm ผู้แต่งหนังสือที่ขายดีที่ในโลก How to build multi-level money machine
ขนาดผมนั่งที่ เอเจล เเค่ 3 วัน แต่เห็น Top Leader ระดับ บิ๊ก ของโลก จากหลายแห่ง เดินเข้าออก อย่างน้อย 4 ท่าน

6. สามารถจัดงาน International Convention ขนาดใหญ่ที่มีผู้คนหลายพันคนทั่วโลกมาร่วมงาน จะยิ่งทำให้ผู้จำหน่ายทั่วโลก เกิดความมั่นใจ จนทำให้ เกิดโมเมนตัม ได้อย่างรวดเร็ว
-เอเจล เปิดตัว ต.ค.05, ต.ค.06 มีconventionครั้งแรก , ต.ค.07 นี้ จะเป็น international convention ครั้งที 2
เพียงครั้งที่ 2 แต่จะมี ผู้นำจากทั่วโลกมาร่วมงาน ถึง 4000 คน

Case study ที่ 3 : บริษัท ที่ไม่ค่อยเติบโต ไม่มีอนาคต จะมีลักษณะตรงข้าม ต่อไปนี้
1. มีผลิตภัณฑ์ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวชัดเจน ทำการบุกเบิกตลาดใหม่ ไม่ใช่สินค้าที่เป็นการลอกเลียนแบบ
-หลายบริษัทจะ เป็น ได้เเค่ copy สินค้าของบริบัทที่ขายดี เช่น เห็น ตาฮิเตียน โนนิ ขายดี ก็ทำขายบ้าง
เห็นน้ำมังคุด ของ Xango ขายดี ก็เลียนแบบขายบ้าง เห็นน้ำ Acai Berry ของโมนาวีขายดี ก็ เลียนแบบทำขายบ้าง อีกนัยหนึ่ง เขาเรียกว่า me too product คุณมี ฉันก็มีเหมือนกัน บริษัทพวกนี้จะพูดคล้ายๆกัน
ถึงฉันจะเลียน แบบ เเต่ฉัน ก็ทำได้ดีกว่านะ ที่สำคัญถูกกว่าด้วย

2. ผู้บริหารมีวิสัยทัศน์ และมีประสบการณ์ภาคสนามหลายปี สามารถบริหารได้อย่างเป็นอิสระ
-บริษัทที่ไม่ค่อยเติบโต ผู้บริหารมักเป็น มือใหม่ของวงการ mlm ไม่เคยมีประสบการณ์ ไม่เคยมีผลงานเเห่งความสำเร็จในอดีต บางครั้งมีความสามารถ ก็มักถูกควบคุมโดยบริษัทแม่ที่เน้นต้องการเเต่ผลกำไรสูงสุดเเต่เพียงอย่างเดียว

3. มีกลยุทธ์และแผนปฏิบัติการที่ชัดเจน ว่าจะทำอะไรบ้าง มีการบุกเบิกตลาดอย่างไร ใช้เทคโนโลยี่ช่วยให้ผู้จำหน่ายทำงานง่ายขึ้น
-บริษัทที่ไม่ค่อยเติบโต ผู้บริหารมักประกาศ ว่าเราจะมียอดเท่านั้น เท่านี้ ภายในเวลานั้น เวลานี้ เเต่ไม่เคยเอ่ยถึงกลยุทธ์ หรือแผนปฏิบัติการว่าจะนำพาทุกคนไปสู่เป้าหมายได้อย่างไร?

4. เพิ่มความมั่นใจให้ผู้จำหน่ายโดยการสร้างสำนักงานใหญ่ของตนเอง
-บริษัทที่ไม่ค่อยเติบโต มักพยายามเช่าพื้นที่สำนักงาน ให้อยู่ในอาคาร ขนาดใหญ่ที่ดูดี ตอนโปรโมท ก็จะถ่ายรูปทั้งตึกไป โชว์เพื่อให้คนเข้าใจผิดว่า บริษัทเป็นเจ้าของทั้งตึก เเต่จริงๆ แล้วเช่าอาศัยอยู่เพียงพื้นที่ไม่กี่เปอร์เซ็นต์
ผู้บริหารบริษัทเหล่านี้มักไม่เคย ตั้งเป้าหมายที่จะพัฒนาบริษัทอย่างเป็นขั้นตอน ได้เเต่หวังว่าผู้จำหน่ายเก่งๆ ของบริษัทจะทำให้เติบโตเอง

5. สามารถดึงดูดคนเก่งระดับโลกเข้ามาร่วมงานได้ ทั้งผู้บริหาร นักวิทยาศาสตร์ และผู้จำหน่าย
-บริษัทที่ไม่มีอนาคต จะไม่สามารถดึงดูด ผู้นำ ระดับบิ๊กของโลกให้หันมาสนใจได้ ซ้ำร้ายด้วยความไม่เป็นงาน ผู้บริหารมัก
เป็นคนทำให้ผู้นำเก่งๆ ที่ทรงความสามารถต้องจากบริษัทไปด้วย ความจริงก็คือ ผู้นำระดับสูง ไม่มีใครอยากเปลี่ยนงานหรอก ต้องเหลืออด หมดทางเยียวยาเเหละ ถึงจากไปด้วยความจำใจ

6. สามารถจัดงาน International Convention ขนาดใหญ่ที่มีผู้คนหลายพันคนทั่วโลกมาร่วมงาน จะยิ่งทำให้ผู้จำหน่ายทั่วโลก เกิดความมั่นใจ จนทำให้ เกิดโมเมนตัม ได้อย่างรวดเร็ว
-บริษัทที่ไม่มีอนาคต จะไม่สามารถ จัดงาน international convention ที่มีขนาดใหญ่กว่า 4000 คนได้ แม้บางบริษัทจะเปิดมาแล้วหลายปีก็ตาม

ข้อเเนะนำสำหรับบริษัทที่ต้องการเติบโต
1. พูดเฉพาะสิ่งที่ทำได้ ทำให้ได้จริงๆตามสิ่งที่พูด ถ้าทำไม่ได้ต้องบอกความจริง
เช่น ถ้าบอกว่าจ่ายคอมมิชชั่น 10%จากยอด CVในขาอ่อน ก็ทำให้ได้จริงๆ ผู้นำจะทำงานง่ายขึ้น
2.สินค้าหลักที่ขายต้องเป็นสินค้าที่มีเอกลักษณ์ของตนเอง, Unique, หาซื้อได้ที่เดียวในโลก
ถ้าสินค้าหลักเป็นสินค้าที่ลอกเลียนแบบมา หรือ แม้แต่สินค้าใหม่ที่กำลังจะเปิดตัว ก็ยังลอกเลียนแบบมาจะเติบโตได้อย่างไร ผู้นำจะพูดถึงด้วยความภาคภูมิใจได้ อย่างไร?
3.เป็นสุภาพบุรุษ มีจริยธรรมในการดำเนินธุรกิจ ยุติการพูด"ความเท็จ"
ผู้บริโภคข่าวสารยุคปัจจุบัน ล้วนแล้วแต่ชาญฉลาด ทุกคนทราบดีว่า ข้อมูลที่ไม่ปรากฏแหล่งที่มา ล้วนแต่เป็นความเท็จทั้งสิ้น
4.โฟกัสที่งานพื้นฐาน แข่งขันกันอย่างขาวสะอาด
บริษัทดีอย่างไร? ผลิตภัณฑ์ยอดเยี่ยมตรงไหน? แผนรายได้เด่นยังไง? โอกาสของคุณในอนาคตอยู่ที่ไหน?
5.ในระยะยาวมีคู่แข่งที่เป็นมิตร งานส่วนงาน เพื่อนส่วนเพื่อน ย่อมทำให้ทุกฝ่ายมีความสุข
เป็นกำลังใจสำหรับคนดีๆที่อยู่ท่ามกลางคนไม่ดี ลุกขึ้นมาต่อสู้เพื่อความถูกต้องสิครับ

ธุรกิจเครือข่าย ยิ่งขายยิ่งไม่มีใครคบ

ปัญหาของคนทำเครือข่ายคือยิ่งทำธุรกิจเท่าไหร่ไม่มีใครอยากคบหาหรือไม่มีใครอยากเข้าใกล้
รู้ไหมว่าปัญหามันเกิดเพราะอะไร



ถ้าเวลาไปเที่ยวเพื่อน ในกลุ่มเพื่อนคนหนึ่งคุยแต่เรื่องธุรกิจให้เพื่อนฟังท่านจะรู้สึกอย่างไร
ถ้าเวลาเจอหน้าเป็นต้องแนะนำผลิตภัณฑ์หรือโอกาสทางธุรกิจกับท่านท่านชอบหรือไม่
เพื่อนไม่เคยคุยกันมาเป็นปีๆ โทรมาบอกว่ามีผลิตภัณฑ์มาเสนอ หรือมีโอกาสธุรกิจมาเสนอท่านอยากฟังไหม
เดินๆ อยู่ตามห้างสรรพสินค้า มีคนมาเสนอขายผลิตภัณฑ์ท่านกลัวรึเปล่า


นี่หรือคือการตลาดที่ท่านคิดว่าเวิร์ค ที่ปรึกษาแนะนำให้ท่านทำ ลิสต์รายชื่อคนรู้จักอย่างน้อย 200 คน แล้วกระหน่ำโทรหา คุยกับทุกคนบนท้องถนน รีบโทรไปบอกเพื่อนว่าเราทำธุรกิจอยู่มาทำกับเราด่วน แนะนำสิ่งดีๆให้คนใกล้ตัว ใช้ดีแล้วบอกต่อ ทุ่มเงินลงในเวปเพื่อโปรโมตหรือซื้อรายชื่อมาโทรกันเลย แจกซีดีด้วย รู้หรือไม่สิ่งเหล่านี้กำลังเป็นระบบที่ผลักไสไล่ส่งคนอื่นให้ไปไกลๆจากท่าน
และนี่คือสาเหตุที่ทำไมคนทำเครือข่าย 99% ไม่ประสบความสำเร็จ ได้น้อยกว่าเสีย สุดท้ายก็เข้าสู่วงจรอุบาทว์ในการทำธุรกิจคือการเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ ไม่ว่าจะไปทำธุรกิจอะไรก็จะกลายเป็นของขวัญในความล้มเหลวต่อไปของท่าน

แล้วท่านควรทำอย่างไร จะดีกว่าหรือไม่หากท่านทราบถึงวิธีการเหล่านี้
-การได้คนหลั่งไหลเข้าเวปของท่านโดยที่ท่านไม่เสียเงินทำการโปรโมทกับเวป
-การที่ท่านได้คนสนใจมาร่วมโดยที่ท่านไม่ต้องวุ่นวาย กระหน่ำโทรหาใคร เพราะเขาจะวิ่งมาหาท่านเอง
-การที่ท่านได้คนสมัครโดยไม่ต้องเสียเวลาโน้มน้าวใคร หน้าที่ของท่านคือสมัครเขาเท่านั้น แถมคนเหล่านั้นยังแย่งที่จะเป็นต้นสายกับท่าน
-ท่านจะถูกเปลี่ยนบริบทจากการที่ถูกปฎิเสธของคนที่จะเข้ามาร่วม กลายเป็นว่าท่านจะเป็นคนปฎิเสธเขาเอง

สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นได้แค่เพียงติดต่อทีมงานของเราเพื่อรับฟังคำแนะนำในการทำธุรกิจ
ที่หมายเลข +66846377807 ติดต่อคุณฉัตรลดา

วันจันทร์ที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

จดหมายจากคนชื่อ นิติ สว่างทรัพย์

จดหมายจากคุณ นิติ สว่างทรัพย์

UTAH VISIT 1 : VISIT AGEL HEADQUARTER

เพื่อนๆที่รักทุกท่าน

บางท่านอาจพอทราบนะครับว่า ผมเพิ่งไป เยี่ยมชม สำนักงานใหญ่ อาเจล ที่ยูท่าห์ มา
วันก่อนได้ ฉายสไลด์ ให้ผู้นำ ได้ดูกันบ้างแล้ว เลยคิดว่าสรุปเนื้อ หา สั้นๆให้ ได้รับทราบกัน อาจเป็นประโยชน์มากขึ้น

ผมอยู่ที่นั้น 3 วันเต็ม พบปะผู้คนมากมาย ทั้งผู้บริหาร สตาฟ ผู้จำหน่ายระดับผู้นำ เยี่ยมชมโรงงาน ได้รับข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการสร้างธุรกิจมากมาย ในรอบ 7 ปีหลังของการทำงานในธุรกิจเครือข่าย ผมไปยูท่าห์ ไม่ต่ำกว่า 15 ครั้ง นี่เป็นครั้งที่ผมประทับใจที่สุด จะขออนุญาติถ่ายทอดให้ทราบบางส่วนนะครับ

1. เรื่องทั้งหมดเริ่มต้นตั้งแต่ ต้นปี 2005

ตอนนั้นผมยังทำงานที่ตาฮิเตียน โนนิอยู่ประสบความสำเร็จพอสมควร พอผมตัดสินใจที่จะค้นหาโอกาสใหม่ๆ ให้กับตัวเอง ก็เลยทำการวิจัยบริษัท mlm ชั้นนำทั่วโลก ประมาณ 100 บริษัท วิเคราะห์แล้วตัดเหลือ 6 บริษัทที่ดีที่สุด คือ มาลาลูก้า,
ยูนิซิตี้,ยูซาน่า, ซินเนอร์จี้,เอเจล,โมนาวี จากนั้นดูจังหวะเวลาที่จะเปิดในไทยสุดท้าย ตัดเหลือ 3 บริษัทเพื่อบินไปดู เเละคุยกับผู้บริหาร คือ ซินเนอร์จี้,เอเจล,โมนาวี

ตอนนั้นซินเนอจี้ เปิดในไทย แล้ว 2 ปี, อีก 2 เเห่งมีโครงการจะเปิดในไทย จาก 3 แห่ง จริงๆแล้ว เอเจล ดูดีที่สุด ทั้ง idea สินค้าความเป็นมืออาชีพของผู้บริหาร เเต่เนื่องจากยังไม่ทันเปิดบริษัทเป็นทางการเลย ถึงน่าสนใจแต่ผมกลัวบริษัทเปิดใหม่ไปไม่รอด จึงตัดสินใจเลือกความมั่นคง คือ ซินเนอจี้ ที่แบ็คโดยเนเจอซันไชน์ 2 ปีของการทำงานในซินเนอร์จี้ก็ทำอย่างสุดความสามารถ โชคดีที่ได้ร่วมงานกับคุณบัญชาและทีมสตาฟ และ ผมยังได้คู่หูที่ดี อย่างคุณวรรณ และเพื่อนๆอีกมากมาย ทำให้ทุกอย่างเติบโตด้วยดี เป็นช่วง 2 ปีที่มีความหมายกับผมมาก เเต่ด้วยอุบัติเหตุการเมืองทำให้ผมจำเป็นต้องเริ่มงานใหม่ แต่อย่างไรก็ตามต้องขอบคุณประสบการณ์ดีๆ เพื่อนดีๆ เป็นอย่างยิ่ง

2.ความประทับใจในตัวผู้ก่อตั้ง Mr.Glen Jensen
พบกันอีกครั้ง 2 ปีให้หลังคุณเกล็น ดูดีกว่าเดิมมาก อาจเป็นเพราะความสำเร็จในช่วงที่ผ่านมาทำให้ราศีดูสดใส คุณเกล็นเป็นคนที่พูดน้อย มาดสุขุมลุ่มลึก แต่เมื่อพูดจาจะแสดงออกถึงความเฉียบแหลมเสมอ ผมขอเล่าประวัติคุณเกล็นสั้น ๆ เล็กน้อย....
คุณเกล็น เคยอยู่ที่ญี่ปุ่นทำให้พูดภาษาญี่ปุ่นได้ และมีความคุ้นเคยกับตลาดญี่ปุ่นเป็นอย่างดี หลังจากเรียนจบไม่นาน ก็ได้ทำงานกับบริษัท นูสกิน ในส่วนของ Customer Service เกือบ 10 ปี จากนั้นก็ไปทำงานในบริษัทยายักษ์ใหญ่ของญี่ปุ่น และมาเป็นผู้บริหารของบริษัท นิวเวย์ ในส่วน International Market Business Development จากนั้นหลายปีก็ถึงจุดอิ่มตัวจึงได้ออกมาตั้งบริษัท MLM ของตนเองชื่อบริษัท ซินเนอจี้ เวิร์ลไวด์ ในปี 1999 โดยเริ่มเปิดตลาดที่ญี่ปุ่นก่อนซึ่งเป็นตลาดที่คุณเกล็นเชี่ยวชาญเป็นพิเศษ จนกระซินเนอจี้ได้รับการจัดอันดับเป็น HOT 100 อันดับที่ 8 โดยวารสาร Enterpreneur ซี่งเป็นผลงานที่โดดเด่นของคุณเกล็นทั้งสิ้น แต่เนื่องจากญี่ปุ่นเป็นตลาดที่ต้องใช้ค่าใช้จ่ายอย่างสูงในการบริหารจัดการ ยิ่งเติบโตก็ยิ่งมีปัญหา Cashflow ในที่สุดคุณเกล็นจึงตัดสินใจเป็นพันธมิตรกับ เนเจอซันไชน์ โดยขายบริษัทไปเป็นมูลค่า 5.5 ล้านเหรียญ และคุณเกล็นก็ยังเป็นประธานจนกระทั่งถึงกลางปี 2002
ด้วยเหตุผลทางเทคนิคบางประการ คุณเกล็นจึงลงจากตำแหน่งและลาออกจากการทำงานในซินเนอจี้เวิร์ลไวด์ หลายปีให้หลังก็ได้ก่อตั้งบริษัท เอเจล ขึ้นมา และเริ่มต้นเปิดทำการเดือนแรก ตุลาคม ปี 2005 สิ่งที่น่าทึ่งและเป็นตัวพิสูจน์ความน่าสนใจ ของผลิตภัณฑ์ เจลซูติคัล ก็คือ มีการติดต่อเข้ามาจากบริษัทยักษ์ใหญ่ที่คุณเกล็นเคยร่วมงานด้วยเพื่อขอซื้อเอเจลเข้าไปเป็น บริษัทลูก โดยเสนอราคาเพิ่มขึ้นตามลำดับ จนกระทั่งสูงถึง 60 ล้านเหรียญ แต่คุณเกล็นและทีมบริหารตัดสินใจ ไม่ขายบริษัท เพราะมั่นใจในอนาคตของบริษัท เอเจล ว่าจะสามารถก้าวไปถึงระดับ Billion Dollar Company ได้

3. มิตรภาพที่แน่นแฟ้น ระหว่าง คุณชนิดา กับ คุณเกล็น
หลายคนจะไม่ทราบว่าหลังจากคุณเกล็นไม่ได้เป็นผู้บริหารที่ซินเนอจี้ แล้ว ท่านได้เป็นผู้จำหน่ายอยู่ในช่วงเวลาสั้นๆ แต่ท่านพบว่า งานนี้ไม่ใช่เป็นงานที่ท่านถนัด สุดท้ายก็เลยไม่ได้ทำต่อ และสามารถคัมแบ็คมาก่อตั้งเอเจลได้ในที่สุด ในช่วงเวลาที่ คุณเกลนเป็นผู้จำหน่ายนั้นเองที่ได้เรียนรู้ว่า ใครจริงใจ ใครไม่จริงใจ หลายครั้งที่ท่านไปร่วมงานประชุมของบริษัท บางคนที่เคยร่วมงานกันมากลับทำเป็นไม่เห็นท่าน เเต่คุณชนิดายังคงปฏิบัติตัวเหมือนสมัยที่คุณเกล็นยังเป็นประธานบริษัทอยู่ ทุกครั้งที่เห็นคุณเกล็นนั่งหลังห้องเงียบๆ คุณชนิดาจะต้องดึงมือคุณเกล็นให้ไปนั่งยังที่นั่งแถวหน้าสุดอันทรงเกียรติ เมื่อคุณชนิดาขึ้นบรรยายบนเวที ถ้าคุณเกล็นอยู่ในที่แห่งนั้น จะต้องเอ่ยถึงความสำคัญ เเละยกย่องให้เกียรติคุณเกล็นใน ฐานะ Founder ของบริษัทเสมอ "ระยะทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์ใจคน" เพื่อนเเท้ย่อมเห็นได้ ในยามยาก มิตรภาพระหว่างคุณชนิดา และคุณเกล็นจึงเเน่นเเฟ้นเป็นที่สุด
เมื่อปี 2005 ตอนกำลังฟอร์มทีม เอเจล คุณเกล็นจึงเชิญคุณชนิดาให้มาร่วมกันก่อตั้ง คุณชนิดาสนิทกับผม ผมก็เลยพิจารณา เอเจล เเละบินไปดูด้วยตาตัวเองเมื่อต้นปี 2005 อย่างที่เรียนให้ทราบเบื้องต้น ในที่สุดด้วยความไม่มั่นใจในบริษัทเปิดใหม่ ผมกับคุณชนิดาก็ตัดสินใจลุยงานในซินเนอจี้ จนกระทั่งปลายเมษานี้เองที่คุณชนิดาตัดสินใจลาออกจากบริษัทเดิม เเละร่วมงานกับเอเจล โดยคุณเกล็นพร้อมสนับสนุนคุณชนิดาอย่างเต็มที่

4. ประวัติศาสตร์ปรากฏชัด ทุก 10 ปีจะมี MLM ยักษ์ใหญ่เกิดขึ้น

ปี 1957 AMWAY ผลิตภัณฑ์ภายในบ้าน
ปี 1967 MARY KAY ผลิตภัณฑ์ Cosmetic
ปี 1977 HERBALIFE ผลิตภัณฑ์ด้านลดน้ำหนัก
ปี 1987 NUSKIN ผลิตภัณฑ์ด้านสกินแคร์
ปี 1997 Morinda ผลิตภัณฑ์น้ำโนนิ
ปี 2007 คุณคิดว่าใครจะเป็นยักษ์ใหญ่รายถัดไป ?

ลักษณะร่วมกันของบริษัทยักษ์ใหญ่ ที่ประสบความสำเร็จ
จากการวิเคราะห์พบว่าบริษัทยักษ์ใหญ่ล้วนแล้วแต่มีคุณลักษณะร่วมกันดังต่อไปนี้

มีผลิตภัณฑ์ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวชัดเจน ทำการบุกเบิกตลาดใหม่ ไม่ใช่สินค้าที่เป็นการลอกเลียนแบบ
ผู้บริหารมีวิสัยทัศน์ และมีประสบการณ์ภาคสนามหลายปี สามารถบริหารได้อย่างเป็นอิสระ
มีกลยุทธ์และแผนปฏิบัติการที่ชัดเจนว่าจะทำอะไรบ้าง มีการบุกเบิกตลาดอย่างไร ใช้เทคโนโลยี่ช่วยให้ผู้จำหน่ายทำงานง่าย
ขึ้น
เพิ่มความมั่นใจให้ผู้จำหน่ายโดยการสร้างสำนักงานใหญ่ของตนเอง
สามารถดึงดูดคนเก่งระดับโลกเข้ามาร่วมงานได้ ทั้งผู้บริหาร นักวิทยาศาสตร์ และผู้จำหน่าย
สามารถจัดงาน International Convention ขนาดใหญ่ที่มีผู้คนหลายพันคนทั่วโลกมาร่วมงาน จะยิ่งทำให้ผู้จำหน่ายทั่วโลก
เกิดความมั่นใจ จนทำให้ เกิดโมเมนตัม ได้อย่างรวดเร็ว

ด้วยความจริงใจ
นิติ สว่างทรัพย์